Photograph
iwaoi(iwa). hq!! aged-up au. g. romance.
written for weekly hq special #1: เพลง
track: Ed Sheeran – Photograph (♪)
*all photos in this entry © bvxvinn
.
.
1
loving can hurt
you know it can get hard sometimes
.
.
.
.
ทิวทัศน์เบื้องหน้าคือความมืดมิด มีเพียงแสงสีเหลืองแดงจุดน้อยแต่งแต้มแทรกแซงรัตติกาล
เมื่อมองจากความสูงหกร้อยสามสิบสี่เมตร ทุกสิ่งช่างดูเล็กกะจ้อยร้อยเสียเหลือเกิน
.
เขายืนบนนี้ รู้สึกตนเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา
รู้แก่ใจว่าเมื่อตนหวนลงสู่ผืนดิน ก็ไม่ต่างอะไรจากปลายเข็มในมหาสมุทรเช่นเดียวกับฝูงชนนับล้านเบื้องล่างนั่น
.
กระนั้น ความรู้สึกยามได้อยู่เหนือทุกสิ่งกลับช่างหอมหวานจนเกือบลืมเลือนตัวตนไป
.
ช่างเป็นทางหนีที่ดีเหลือเกิน
หนีจากความจริง… ที่เขาไม่พร้อมเผชิญ
.
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงจึงรู้สึก… ความรู้สึกยามอยู่เหนือทุกคนนั้นช่างยิ่งใหญ่ชวนฝันก็จริงอยู่ ขณะเดียวกัน กลับฝากความว่างโหวงจนหนาวสะท้านข้างใน
.
…เมื่อคนเดียวที่อยากให้อยู่ข้างกันไม่อยู่ตรงนี้
.
เขาถอนหายใจ
รู้ว่าตนต้องการอะไร แต่ทิฐิโง่ๆ ยึดเขาไว้ที่เดิม
.
“อิวะจัง”
.
เสียงผะแผ่วกระซิบเรียกเขาเบาหวิว พร้อมสัมผัสอ่อนนุ่มของกลุ่มผมแตะลงข้างแก้ม
.
เขาไม่หัน รับรู้ได้ถึงศีรษะที่ซุกซบลงบนไหล่ซ้าย
.
“ขอโทษ สำนึกผิดแล้ว…”
.
ไร้คำตอบ แต่เขายังคงตั้งใจฟัง
.
“…กลับบ้านกันนะ”
.
ริมฝีปากอุ่นทิ้งจุมพิศเบาลงบนผิวเนื้อ เท่านั้น ทิฐิทั้งหมดทั้งปวงพลันมลายหายไป
.
มือสากขยี้ผมคนข้างตัว เรียกเสียงครวญเบาหวิว แต่กระจกสะท้อนภาพรอยยิ้มบนใบหน้าแจ่มชัด
.
“คนใจร้าย”
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย”
“คนที่ทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียวอีกแล้วไง”
.
เขาส่ายหัว
.
“กลับบ้านกัน”
.
.
.
2
loving can heal
I swear it will get easier
.
.
.
.
รอบข้างเงียบสงบ รมรื่น เขียวชะอุ่ม …สงบราวกับไม่ใช่เมืองหลวง
.
ใจกลางสวนสาธารณะคือที่ตั้งของสระน้ำ
.
มีเป็ดตัวน้อยสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไป สวนกับเป็ดเทียมสีขาวตัวยักษ์ใหญ่ พวกมันส่งเสียงร้องระงมขณะตีเท้าใส่น้ำ ก่อนจะจากไป ทิ้งความเงียบไว้เบื้องหลัง
.
ชายหนุ่มสองคนมองตามเป็ดฝูงนั้น
.
คนหนึ่งหันกลับมองเบื้องหน้าในเวลาไม่นาน ขณะที่อีกคนยังเหลียวมองไม่ละสายตา
.
“อิวะจังว่าพวกมันคุยอะไรกัน”
“จะไปรู้เรอะ”
.
เขาตอบโดยไม่หันไปมอง
.
“ถามความคิดเห็นไง คิดสิคิด”
“พูดว่ามนุษย์บนนั้นหน้าตาโง่สิ้นดีล่ะมั้ง”
“อิวะจังว่าตัวเองทำไมอะ”
“หมายถึงนายต่างหาก”
“ใจร้าย!”
.
คนโดนว่าบ่นหงุงหงิง หยุดถีบเรือเอาเสียดื้อๆ
เขาเลยโวยเข้าให้ นานพอดูกว่าจะยอมกลับมาเริ่มช่วยถีบอีกครั้ง
.
นี่เรียกว่ามือไม่พาย เอาเท้าราน้ำของจริง!
.
“จะไปอยู่แล้ว ยังใจร้ายอีก”
.
เขาชะงัก หยุดปั่นชั่วขณะหนึ่งเสียเอง
ชั่วขณะเดียวเท่านั้น
.
“เดี๋ยวก็กลับมาแล้วน่า”
“ไปก็คือไป”
“…เฮ้”
.
คนข้างตัวหันมายิ้มให้
.
“ฉันรู้น่า อิวะจังต้องทำงาน”
.
รอยยิ้มฝืดฝืนแบบที่ใช้ส่งให้คนอื่นคนไกล
.
รอยยิ้มที่เขาไม่ชอบแม้แต่น้อย
.
“…อีกหน่อยมันจะดีขึ้น โทรุ”
.
เขาพึมพำ บอกคู่สนทนา บอกตนเอง
.
“แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”
.
.
.
3
and if you hurt me
that’s okay, baby, only words bleed
.
.
.
.
เสียงโทรศัพท์ดังกรอกข้างหู หนึ่งที สองที สามที
.
ไม่มีผู้ใดรับ
.
เสียงตอบกลับมีเพียงสัญญาณรับฝากข้อความ
.
โดนตัดสายใส่ ต่อด้วยเมินโทรศัพท์
.
ถึงความอดทนจะสูงลิบลิ่ว แต่ก็มีข้อจำกัด
.
เขาผ่อนลมหายใจยาว แหงนหน้าขึ้นฟ้า หลับตา นับหนึ่งถึงสิบ
ก้มหน้าลงพื้น ลืมตา กลีบดอกไม้กระจายรอบปลายเท้า
.
เริ่มต้นนับสิบเอ็ดถึงยี่สิบ
.
มองโทรศัพท์ แล้วกดโทรออกอีกหนึ่งครั้ง
.
ถึงความอดทนจะมีจำกัด แต่สำหรับคนปลายสาย ดูจะมีให้มากมายเสียทุกครั้ง
.
เขานับยี่สิบเอ็ดถึงสามสิบ ยังคงไม่มีใครรับโทรศัพท์
ต่อด้วยสามสิบเอ็ดถึงสี่สิบ เสียงตอบกลับยังไม่ใช่เสียงคนที่คิดถึง
.
สี่สิบเอ็ดถึงห้าสิบวินาทีผ่านไป ปลายสายตอบด้วยคำสั้นง่ายหนึ่งคำ
.
“เกลียด”
.
คำพูดหนึ่งคำ สั้นง่ายและกระชับ แต่เป็นสามวินาทีอันเลวร้ายสำหรับเขา
.
ห้าสิบเอ็ดถึงหกสิบวินาที เขายังคงจ้องมองกลีบชมพูบนพื้นหญ้าเขียว
.
เสียงโทรศัพท์เข้าดังในห้าวินาทีถัดมา
.
“ขอโทษ”
.
เขาชิงพูด
.
“ฉันสิต้องขอโทษ อิวะจังติดงาน แต่ฉัน…”
“ฉันเองก็ขอโทษที่กลับไปไม่ได้”
“…ไม่เป็นไร คอยดูฉันในทีวีแล้วกัน”
.
เขายิ้ม เตะเศษดินเศษหญ้าบนพื้นขณะฟังอีกฝ่ายเจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อย
.
“…นี่ แล้วก็ ที่บอกว่าเกลียดน่ะ โกหกนะ”
.
“…รู้อยู่แล้วล่ะ ไอ้บ้า”
.
.
.
4
you can fit me
next to your heartbeat
.
.
.
.
หลายเดือนผ่านไป พวกเขายังคงอยู่ไกลกัน
.
คราวนี้เป็นฝ่ายนั้นเสียเองที่ต้องออกเดินทางไกล
.
เขาทิ้งตัวนอนบนโซฟา
.
คอมพิวเตอร์ตั้งตรงหน้า
.
เปิดรายการโทรทัศน์ค้างไว้
.
แต่ใจไม่ได้อยู่กับสิ่งของตรงหน้าแม้แต่นิด
.
มือถือโทรศัพท์ ตามองรูปภาพบนหน้าจอคอม จดจ้องรูปภาพที่ยังไม่ได้รับการปรุงแต่งใดๆ
.
ถอนหายใจ
.
กำหนดส่งงานในอีกสามสิบหกชั่วโมง ถึงไม่อยากก็ต้องทำ
.
กำลังจะวางโทรศัพท์ลงอยู่แล้ว แต่เสียงข้อความไลน์เด้งขึ้นเสียก่อน
.
กวาดตามองครู่เดียวก็รู้ จะมีใครอีกที่ส่งอีโมติค่อนกวนประสาทมา
.
ใจนึกบ่น แต่รอยยิ้มระบายบนใบหน้า
อย่างไรก็ปิดบังความหลงใหลไม่ได้เลยจริงๆ
.
‘วันนี้ได้ออกมาเที่ยวด้วยล่ะ!’
‘อย่าไปซน เกรงใจคนอื่นเขา’
‘อิวะจังเป็นแม่ฉันหรือไง’
.
เขากลอกตา
.
คำพูดเดิมๆ ที่ได้ยินจนชิน
ปกติฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิด
.
แต่ตอนนี้อยากได้ยินกับตัวเหลือเกิน
.
‘นี่ ฉันมีอะไรจะอวดด้วยล่ะ’
.
มาพร้อมสติกเกอร์กระต่ายตากลมทำท่าอวดดี
.
น่าต่อย
.
แต่อยากต่อยตัวเป็นๆ
.
อยากสัมผัส
.
รูปภาพวิวทิวทัศน์ถูกส่งตามมา แต่มีสิ่งแปลกปลอมปะปนอยู่ในรูปนั้น
.
มือซ้ายกับแหวนกลมเกลี้ยงหนึ่งวง
แหวนที่ปกติห้อยอยู่บนคอแทนจะประจำบนนิ้วนางข้างซ้าย ตำแหน่งที่ควรเป็นของมัน
.
เขายิ้ม
ลูบแหวนลักษณะเดียวกันบนนิ้วของตน
.
‘คิดถึงนา’
‘…เหมือนกัน กลับมาเร็วๆ’
.
.
.
5
when I’m away
I will remember how you kissed me
.
.
.
.
คลาดกันอีกแล้ว ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
.
รู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ตกลงกันเรียบร้อย แม้ขลุกขลักนักกว่าจะลงตัว แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาเสียเองที่ทำใจไม่ได้
.
ใช้ไม่ได้เลย
.
แต่แค่อยากพบหน้าคนที่ทำให้โลกทั้งใบสว่างไสว ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไรนี่
.
ผ่อนลมหายใจยาว กระชับกระเป๋าเป้ สองมือประคองกล้องคู่ใจ
ถึงเวลาก็ต้องทำงาน
.
ก้าวขึ้นบันไดสามก้าว
.
สอดส่ายมองรอบตัว
.
สีส้มสะท้อนเข้าตา
.
แดดแรงจัดคงทำให้ตาพร่ามัว ถึงได้เห็นสีส้มเป็นสีน้ำตาล สีเส้นผมใครบางคนที่สุดแสนจะคิดถึง
.
อาการหนัก กระนั้นก็หยุดคิดไม่ได้
.
คิดถึงสัมผัสนุ่มมือ
คิดถึงเวลาตื่นมาพบอยู่ข้างตัว
.
คิดถึงยามลืมตาขึ้นหลังริมฝีปากสัมผัสกัน
.
…ตามด้วยคิดถึงความรู้สึกเมื่อได้แลกรสจูบกันนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากนั้น
.
ยิ่งมองรอบตัวยิ่งรู้สึกคิดถึง
.
สีส้มโดนถมแทนที่ด้วยสีน้ำตาล
.
อาการหนักมาก
.
รู้สึกอยากกลับบ้านหนักหน่วงรุนแรง
.
“อิวะอิสึมิ”
.
เสียงเรียกฉุดเขาออกจากภวังค์
.
สีส้มกลับเข้าเป็นองค์ประกอบเด่นของฉาก
.
…อีกแค่ไม่กี่วัน
.
ทำได้แค่เฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น
.
อีกไม่กี่วัน
.
.
.
6
“Wait for me to come home”
.
.
.
.
งานสุดท้าย
จบงานนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดแผนอีก ในที่สุดเขาจะได้กลับบ้านจริงๆ เสียที
.
ชั่ววินาทีที่ได้เหยียบเท้าลงบนพื้นเมืองหลวง เขารู้สึกปีติยินดี
ถึงแม้จะไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน แต่เขารู้ว่าตนได้ก้าวเข้าใกล้ บ้าน มากขึ้นทีละนิด
.
พวกเขาขนข้าวของไปยังจุดนัดหมาย
ขึ้นรถไฟ ลงใต้ดิน แวะส่งบางคนเข้าสำนักงาน วางแผนงงานและจุดนัดพบ เสร็จสรรพกว่าจะไปถึงสถานที่สุดท้ายในแผนการทำงานเข้าจริง ก็เกือบไม่ทันเวลาที่นัดกันไว้
.
แสงแดดกำลังดี ลมกำลังพัดสบาย
ดินฟ้าอากาศเป็นใจเช่นนี้ เขาคิดว่างานคงเสร็จโดยไว
.
นายแบบและนางแบบยังไม่ปรากฏตัว แต่นั่นก็เพราะยังไม่ถึงเวลาที่นัดกันจริงๆ ด้วยกระมัง
.
เขาและเพื่อนร่วมงานเริ่มเตรียมข้าวของ
.
ใจนึกเร่งเวลา
.
อีกไม่นาน อีกไม่นาน…
.
มีเสียงเรียกให้เตรียมตัว ต่อด้วยเสียงบอกว่าแบบถ่ายภาพสุดท้ายของพวกเขาเดินทางมาถึงแล้ว
.
เขาเช็คแสง หันไปยังทิศเหนือโดยไม่ได้ลดกล้อง
.
ภาพสะพานติดเข้ากรอบ แต่งแต้มด้วยสีสันเขียวสดใสจากต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบ
.
มุมภาพมีเงาร่างหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาหาเขา
.
เขายิ้ม
.
จดจำภาพนายแบบผมน้ำตาลตัวสูงโย่งในชุดแฟชั่นเรียบหรูไว้ในใจ
รอยยิ้มกว้างติดตราตรึงฝังลงส่วนลึกของจิตใต้สำนึก
.
ก่อนกดชัตเตอร์
.
“อิวะจัง!”
.
และเมื่อเขาลดกล้องลง
สองแขนรอรับโออิคาวะ โทรุเข้าสู่อ้อมกอด
.
เมื่อนั้น
เขาจึงได้กลับบ้านอย่างแท้จริง
.
.
END
A/N:
จริงๆ แล้วสำหรับหัวข้อนี้ ตอนแรกเราอยากเขียน set fire to the rain / a sky full of star / somebody else ค่ะ
แต่มันแอบหนักทั้งนั้นเลย รู้สึกเขียนยาก เลยเลี้ยวมาหาอะไรที่เขียนง่ายกว่า ออกมาเป็น photograph นี่แหละค่ะ 5555
สำหรับเรื่องนี้ตั้งใจเขียนแค่คร่าวๆ พล๊อตหลวมๆ จะคิดว่าอะอุนโตไปทำงานอะไรก็ได้ แต่ส่วนตัวเราตอนเขียนมีภาพช่างภาพอิวะจัง กับโออิที่เป็นนักกีฬาทีมชาติเทิร์นนายแบบค่ะ555
สวัสดีค่ะ เราพึ่งได้อ่าน เราชอบการบรรยายมากเลยค่ะ พอเปิดเพลงPhotograph ไประหว่าอ่านแล้วมันเพลินสุดๆเลย เพลงจบตอนที่เราอ่านบรรทัดสุดท้ายพอดี ไม่รู้เพราะเราอ่านเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ชอบบรรยากาศของเรื่อง เราเขียนคอมเม้นไม่เก่ง ไม่รู้จะเขียนอะไรดี สิ่งที่อยากบอกคงมีแค่ ขอบคุณที่เขียนฟิคเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณจริงๆ